มอญ
ช า ว ม อ ญ ตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในเขตภาคกลางและภาคเหนือบางส่วน ในลพบุรีก็มีชาวมอญตั้งถิ่นฐานอยู่ แต่ไม่ใช่กลุ่มใหญ่เมื่อเทียบกับชุมชนมอญแถบอำเภอปากเกร็ด สามโคก หรือบ้านโป่ง โพธาราม แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นลักษณะร่วมกันคือ ชาวมอญมักอยู่อาศัยตามริมแม่น้ำ ชาวมอญที่ลพบุรียึดสองฝั่งลำน้ำลพบุรีเป็นที่ตั้งชุมชนมีชื่อว่า "มอญบางขันหมาก"
บางขันหมากเป็นตำบลใหญ่ของอำเภอเมืองลพบุรี มีถึง 12 หมู่บ้าน แต่บ้านมอญนั้นอยู่ในหมู่ที่ 1, 2, 3, 6, 7, 9, 12 คนที่นี้เรียกกันว่า "บางขันหมากใต้" ส่วนหมู่ที่เหลือเป็นกลุ่มบ้านคนไทย ในบางขันหมากมีชาวมอญมากประมาณสามในสี่ของประชากรทั้งตำบล วัดที่เป็นศูนย์กลางมีถึง 4 วัดด้วยกัน คือ วัดกลาง วัดอัมพวัน วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม และวัดโพธิ์ระหัต
เชื่อกันว่า ชาวมอญบางขันหมากอพยพมาจากอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยเดินเรือจากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นมาตามลำน้ำลพบุรี "จากการศึกษาของ เทอดศักดิ์ มหาเรือนทรง เรื่อง "เรือนมอญที่ลพบุรี"พบว่า ชาวมอญได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บางขันหมากก่อน พ.ศ. 2393 หรือเมื่อเกือบ 150 ปีมาแล้ว เพราะหลักฐานทางสถาปัตยกรรมของวัดโพธิ์ระหัต อันเป็นหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดในชุมชนแห่งนี้ ระบุว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2393"
ชาวมอญบางขันหมากเคร่งครัดในวัฒนธรรมประเพณีของตนไม่ต่างจากคนมอญกลุ่มอื่น เช่นที่วัดทั้ง 4 แห่งจัดให้มีการเรียนการสอนหนังสือมอญทั้งแก่พระภิกษุ สามเณร และชาวบ้าน พระภิกษุสวดมนต์เป็นภาษามอญ เด็กมอญทั้งชายและหญิงไว้ผมโก๊ะ คือโกนผมหมดเหลือไว้ เฉพาะเพียงกลางกระหม่อมจนกระทั่งจบชั้นประถมศึกษา ชาวบ้านถือผีเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นผีบรรพบุรุษ (ฮะกาว-กะล่ก) ผีเรือน (กะลก-ฮ่อย) หรือผีหมู่บ้าน (ปะจุ๊) เป็นต้น
ประเพณี - ความเชื่อของชาวมอญบางขันหมาก
ชาวมอญหรือชาวรามัญ ที่ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ยังคงยึดมั่นอยู่ในประเพณีความเชื่ออันมีเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มชาติพันธุ์มอญ ซึ่งประเพณีความเชื่อบางประการจะคล้ายคลึงกับประเพณีของชาวมอญโดยทั่วไปในประเทศไทย แต่ประเพณีบางประการมีความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวมอญที่ตำบลบางขันหมากเท่านั้น ซึ่งเคยยึดถือมาแต่อดีตและยังสืบทอดมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ประเพณีในรอบสิบสองเดือน
วิธีศึกษาประเพณีในรอบสิบสองเดือน คือคนโบราณจะเริ่มวันขึ้นปีใหม่ในวันสงกรานต์ ซึ่งตรงกับเดือนห้าตามปฏิทินจันทรคติ ชาวมอญก็เริ่มนับที่เดือนห้าเช่นเดียวกัน
ประเพณีในรอบสิบสองเดือนของชาวมอญตำบลบางขันหมากเรียงลำดับต่อไปนี้
เดือนห้า สงกรานต์ เมื่อเสร็จสงกรานต์มีการเล่นผีลิงลม
เดือนหก เดือนเจ็ด เป็นฤดูที่ต้องออกไถนา มีเล่นผีกลางคืน
เดือนแปด ฤดูน้ำหลาก ชาวบ้านเข้าวัดถือศีล
เดือนเก้า ทำบุญกระจาดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ โดยการนำผลไม้ อาทิ ส้มโอ กล้วย อ้อย หอม กระเทียม กะปิ ข้าวสาร ฯลฯ ใส่ชะลอมไปถวายพระในวันขึ้น 15 ค่ำ นอกจากนี้จะเตรียมสานกระบุง ตะกร้า อีดูด อีตุ้ม อีจู้ ลัน ฯลฯ ซึ่งเป็นเครื่องมือหาปลาเตรียมไว้
เดือนสิบ ออกหาปลาโดยการลงเบ็ดลงข่าย ดักตุ้ม ครั้นขึ้น 15 ค่ำ จะทำบุญตักบาตรด้วยน้ำผึ้ง ถ้าหาไม่ได้จะใช้น้ำตาลทรายขาวแทน ครั้นสิ้นเดือนสิบจะเป็นเทศกาลทำบุญสารท ชาวมอญจะตระเตรียมข้าวของขึ้นเองทุกขั้นตอนเริ่มตั้งแต่ตำข้าวเม่า คั่วข้าวตอก จนกระทั่งกวนกระยาสารท เมื่อถึงวันทำบุญสารทจะตัดธงเป็นรูปต่างๆ สวยงามประดับของถวายพระอย่างงดงาม
เดือนสิบเอ็ด เทศกาลออกพรรษา ชาวมอญจะทำสำรับกับข้าวไปถวายเพลพระ ฟังเทศน์มหาชาติ และเริ่มประเพณีทอดกฐิน ผ้าป่า
เดือนสิบสอง ในเทศกาลลอยกระทง ชาวมอญบางขันหมากมีประเพณีร่วมแรงกันตามหมู่บ้านต่างๆ ประดิษฐ์กระทงใบใหญ่ถวายพระแม่คงคา เพื่อขอขมาต่อพระแม่คงคาที่ได้กระทำให้แม่น้ำลำคลองสกปรก อาทิ ทิ้งขยะของเสียต่างๆ หรือแม้แต่การขับถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะลงในแม่น้ำลำคลอง
เดือนอ้าย ไม่ปรากฏประเพณีเป็นการเฉพาะ แต่ชาวมอญจะออกหาปลานำมาประกอบอาหารและถนอมอาหารเก็บไว้ อาทิ ปลาเค็ม ปลาย่าง ปลาส้ม ปลาจ่อม เอาไว้รับประทานในฤดูเก็บเกี่ยว ชาวมอญบางขันหมากที่เป็นผู้หญิงนิยมยกยอขนาดเล็กหาปลาในแอ่งน้ำตื้นๆ และใช้ชนางช้อนกุ้ง นอกจากนี้ยังนิยมใช้สุ่มและเบ็ดหาปลาอีกด้วย เครื่องมือหาปลาที่กล่าวมานี้ไม่เป็นที่นิยมของผู้ชาย
เดือนยี่ - สาม เป็นฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งจะมีประเพณีรับขวัญแม่โพสพ โดยนำรวงข้าวจัดเป็นรูปร่างคล้ายโคมห้อยแล้วปักไว้บนกองข้าวเปลือกในยุ้งข้าว ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวยังพอมีปรากฏอยู่บ้าง นอกจากปลูกข้าวเจ้าพันธุ์เบาแล้ว ชาวมอญยังนิยมปลูกข้าวเหนียวเอกไว้สำหรับทำขนมบ้างเล็กๆ น้อยๆ
เดือนสี่ ประเพณีเดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีโดยการเดินเท้าและมีเกวียนบรรทุกสัมภาระจำเป็นและของสำหรับตักบาตรใน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4
สำหรับความเชื่อในการประกอบประเพณีบางอย่างเช่น สร้างบ้าน แต่งงาน ตัดจุก-โกนผม จะจัดพิธีในเดือนสี่ เดือนหก เดือนเก้า และเดือนสิบสองเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี
ประเพณีสงกรานต์ |
ประเพณีเทศน์มหาชาติ |
ความเชื่อเรื่องทิศ
ชาวมอญมีความเชื่อเรื่องทิศอยู่มาก อาทิ ทิศในการเดินทางแล้วมีลาภ ทิศที่งดเดินทางเพราะจะมีภัย ทิศมีชัยชนะ ทิศที่ถูกผีอำ (ผีจับกิน) ทิศในการปลูกบ้านเรือน ทิศในการปลูกต้นไม้ เป็นต้น ซึ่งชาวมอญตำบลบางขันหมากมีความเชื่อเรื่องทิศที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
ทิศหัวนอน ทิศทักษิณ และทิศบูรพา
ทิศหัวบันได หันไปทางทิศอุดรเท่านั้น
ทิศคนตาย หันศีรษะคนตายไปทางทิศอุดร
ทิศสร้างบ้าน
ก. หันหน้าบ้าน บันไดบ้าน ไปทางทิศอุดรคือ ตามตะวัน เมื่อบุตรคนโตทั้งชายและหญิงแยกครอบครัวออกไปให้สร้างบ้าน ต่อไปทางทิศเหนือเรียงลำดับจากพี่ไปหาน้อง ถ้าพื้นที่มีจำกัดให้สร้างทางทิศตะวันตกเรียงพี่ไปหาน้องตามลำดับเช่นเดียวกัน
ข. ที่ดินที่จะสร้างบ้าน ห้ามมิให้อยู่ตรงกลางระหว่างผู้อื่นที่มีสกุลเดียวกันทั้งสองข้าง
ค. ที่ดินเป็นรูปเกาะเกี่ยวกันไม่นิยมสร้างบ้าน ทำนา เพาะปลูก หรือทำการค้าขาย จะไม่รุ่งเรืองทำมาค้าขายไม่ขึ้น หรืออาจจะเจ็บได้ป่วย
ง. ห้ามปลูกบ้าน แต่งงาน โกนจุก-โก๊ะ ในเดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนห้า เดือนเจ็ด เดือนแปด
จ. ถ้ามีคนตายในบ้าน เมื่อจะนำไปวัดต้องนำศพลงจากบ้านทางทิศอุดรถ้าตายนอกบ้านห้ามนำเข้าบ้าน
ส่วนการละเล่นของชาวมอญบ้านขันหมากก็มีหลายอย่างเช่น การละเล่นผีสุ่มปลาการละเล่นผีทะนานการละเล่นผีนางกวัก ฯลฯ
การศึกษาและการใช้ภาษามอญในหมู่บ้านบางขันหมากพบว่า ในอดีตมีการศึกษาภาษามอญในวัดมีพระสงฆ์เป็นผู้สอน สำนักศึกษาสำคัญคือ วัดโพธิ์หัตและวัดอัมพวัน ชายชาวมอญในอดีตส่วนใหญ่จึงอ่านและเขียนภาษามอญได้ ส่วนหญิงชาวมอญจะไม่ได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาหญิงชาวมอญจึงคงพูดภาษามอญได้เพียงอย่างเดียว เมื่อระบบการศึกษาในโรงเรียนมีบทบาทแทนวัดและพระสงฆ์ เด็กหญิงชายชาวมอญจึงได้รับการศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการทำให้ผู้รู้ในการอ่านและเขียนภาษามอญลดน้อยลงเหลือแต่ผู้ที่ฝักใฝ่จริงๆ จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2530 พบว่ามีผู้อ่านเขียนภาษามอญในหมู่บ้านมอญบ้านบางขันหมากได้ไม่เกิน10 คน สำหรับการพูดภาษามอญนั้นชาวมอญบ้านบางขันหมากยังสามารถพูดได้เกือบทุกคน แม้กระทั่งเด็ก และหากชาวมอญผู้ใดมีคู่สมรสเป็นคนไทย และเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านจะสามารถพูดและเข้าใจภาษามอญได้ในที่สุด การพูดภาษามอญในหมู่บ้านจึงยังเป็นความเข้มข้นทางวัฒนธรรมอยู่มาก
ศิลปกรรมพื้นถิ่นชาวมอญบ้านบางขันหมาก
ศิลปกรรมของชาวมอญบ้านบางขันหมากที่เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะของชาวมอญพื้นถิ่นบ้านบางขันหมากไว้มากที่สุดก็คือ วัด เพราะชาวมอญเป็นผู้ที่ยึดมั่นและศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ชาวมอญได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดอุทิศถวายแด่พระศาสนา วัดจึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางและศูนย์รวมจิตใจของชาวมอญบ้านบางขันหมากแห่งนี้ จะเห็นได้ว่ามีวัดที่เป็นวัดมอญหรือรามัญธรรมยุติในชุมชนมอญบ้านบางขันหมากอยู่ถึง 4 วัดด้วยกันได้แก่
1. วัดโพธิ์ระหัต ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2393 จัดได้ว่าเป็นวัดมอญที่เก่าแก่ที่สุดในชุมชนมอญบ้านบางขันหมาก
2. วัดกลาง ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2425
3. วัดอัมพวัน ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2415 เป็นวัดที่พระภิกษุสงฆ์จากวัดมอญอื่นๆ มักจะมารวมทำสังฆกรรมที่โบสถ์ของวัดนี้
4. วัดราษฏร์ศรัทธาธรรม หรือวัดทุ่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2430เป็นวัดมอญ เพียงวัดเดียวที่ไม่ได้สร้างอยู่ในชุมชนมอญที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้แม่น้ำลพบุรี แต่ออกมาสร้างอยู่ที่ทุ่งนาจึงเรียกว่า "วัดทุ่ง"
การสร้างวัดในแต่ละวัดจะสร้างขึ้นในเวลาที่ไม่ห่างกันมากนักและคงจะสร้างขึ้นพร้อมๆ กับกาลเวลาที่ชาวมอญบ้านบางขันหมากได้ก่อสร้างตัวลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว วัดทั้ง 4 วัดนี้ถึงแม้จะเป็นวัดมอญที่ใช้ภาษามอญในการท่องสวดและเขียนแต่องค์ประกอบทั่วๆ ไปเช่น โบสถ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอพระ หอฉัน หรือแม้แต่กุฏิพระ ก็มิได้แตกต่างไปจากวัดของคนไทยแต่อย่างใด จะมีอยู่บ้านก็เพียงแต่เจดีย์ที่ปรากฏรูปทรง ที่เป็นแบบมอญอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งลวดลายตกแต่งสถาปัตยกรรมบางอย่างเท่านั้น ที่จะบ่งบอกความเป็นวัดมอญและวัดไทย