ประวัติความเป็นมา
1. ประวัติมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี โดยสังเขป
| พ.ศ. 2463 | เริ่มก่อตั้ง โรงเรียนลวะศรี ณ พระที่นั่งจันทรพิศาล ในพระนารายณ์ราชนิเวศ ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าหิน |
| พ.ศ. 2464 | ย้ายไปอยู่ที่ถนนวิชาเยนทร์ |
| พ.ศ. 2479 | โรงเรียนฝึกหัดครูสตรีลพบุรี |
| 24 มิ.ย. 2483 | โรงเรียนสตรีลพบุรี "เทพสตรีวิทยาลัย" สังกัดกรมสามัญศึกษา ตั้งอยู่ ณ สถานที่ปัจจุบัน ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร |
| 29 มี.ค. 2498 | โรงเรียนเทพสตรีวิทยาลัย เปิดสอนเป็นสองแผนก คือ แผนกโรงเรียนฝึกหัดครู และแผนกโรงเรียนสาธิต สังกัดกรมการฝึกหัดครู |
| 1 พ.ย. 2501 | วิทยาลัยครูเทพสตรี สังกัดกรมการฝึกหัดครู |
| 14 ก.พ. 2535 | สถาบันราชภัฏเทพสตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ แก่วิทยาลัยครูทั่วประเทศว่า สถาบันราชภัฏ |
| 14 มิ.ย. 2547 | มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา(ฉบับกฤษฎีกา) เล่มที่ 121 ตอนพิเศษ 23ก วันที่ 14 มิถุนายน 2547 |
โรงเรียนลวะศรี
โรงเรียนลวะศรีได้ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2463 โดยใช้อาคารเรียนชั่วคราว ณ พระที่นั่งจันทรพิศาลในพระนารายณ์ราชนิเวศน์และในพ.ศ.2464 ได้ย้ายมาที่ถนนวิชาเยนทร์ ตำบลท่าหินบริเวณสถานีสารวัตร ทหาร มทบ.13 ในปัจจุบัน โรงเรียนลวะศรีเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดลพบุรี ในระยะเริ่มต้นทำการสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ต่อมาเปิดสอนระดับมัธยมศึกษา คือ ม.1-3 โดยครูที่สอนและนักเรียนเป็นผู้หญิงทั้งหมดและในพ.ศ.2479 ได้เริ่มเปิดสอนชั้นมัยธมศึกษาตอนปลาย และเนื่องจากห้องเรียนมีจำกัด จึงทำให้โรงเรียนลวะศรี ต้องงดรับนักเรียนระดับประถมศึกษา และสอนนักเรียนระดับมัธยมศึกษา คือม.1-6 เท่านั้น
โรงเรียนฝึกหัดครู
ในปีพ.ศ. 2479 โรงเรียน ลวะศรีที่เปิดสอนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูสตรีลพบุรี และเริ่มเปิดรับนักเรียนฝึกหัดครูเป็นครั้งแรกเป็นนักเรียนฝึกหัดครูผู้หญิงเรียกว่านักเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตรจังหวัด โดยรับนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาเรียนต่อ 2 ปีและเมื่อจบหลักสูตรได้วุฒิครู ว. ต่อมามีการเปิดรับนักเรียนเตรียมครูประชาบาล เป็นนักเรียนหญิงที่สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาเรียนต่อ 1 ปี แต่ภายหลังได้ปรับหลักสูตรเป็น 3 ปี
โรงเรียนสตรีลพบุรี “เทพสตรีวิทยาลัย”
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2483 ได้ย้ายโรงเรียนฝึกหัดครูสตรีลพบุรีจาก ถนนวิชาเยนทร์มาอยู่ ณ ที่ปัจจุบันถนนนารายณ์มหาราช ซึ่งหน่วยราชการทหารยกที่ดิน และสร้างอาคารเรียนให้ ส่วนอาคารเรียนเดิมยกให้เป็นที่ทำการหน่วยสารวัตรทหารและได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนสตรีลพบุรี “เทพสตรีวิทยาลัย” สังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการโรงเรียนสตรีลพบุรี “เทพสตรีวิทยาลัย” ได้เปิดการศึกษา 3 แผนกคือ แผนกอนุบาล แผนกมัธยมและแผนกฝึกหัดครู และต่อมาแผนกอนุบาลได้แยกออกเป็นโรงเรียนอนุบาลลพบุรี
โรงเรียนเทพสตรีวิทยาลัย
วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2498 ได้เปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนสตรีลพบุรี “เทพสตรี-วิทยาลัย” เป็นโรงเรียนเทพสตรีวิทยาลัยโรงเรียนเทพสตรีวิทยาลัยได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรการศึกษา (ป.กศ.) ในปี พ.ศ. 2498 และเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง) ใน ปี พ.ศ. 2500
วิทยาลัยครูเทพสตรี
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2501 โรงเรียนสตรีลพบุรี “เทพสตรีวิทยาลัย” ได้เลื่อนฐานะเป็น วิทยาลัยครูเทพสตรี (ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนฝึกหัดครู ลงวันที่ 8 มีนาคม 2501) วิทยาลัยครูเทพสตรี นอกจากเปิดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรทางการศึกษา (ป.กศ.) ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง)แล้วพึงได้เปิดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรครูประถม(ป.ป.) ในปีพ.ศ. 2510 และเริ่มเปิดสอนนักศึกษาระดับปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต(ค.บ.) ใน ปี พ.ศ.2517 ในสาขาวิชาภูมิศาสตร์และสาขาวิชาชีววิทยา
ในพ.ศ.2518 วิทยาลัยครูเทพสตรีได้รับการยกฐานะ เป็นสถาบันอุดมศึกษาตามพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ.2518 มีภารกิจ คือให้การศึกษาสาขาวิชาการต่างๆ ตามความต้องการของท้องถิ่นผลิตครูในระดับปริญญาตรี ทำการวิจัย ส่งเสริมวิทยฐานะของครูอาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และให้บริการวิชาการแก่สังคม ซึ่งทำให้วิทยาลัยครูเทพสตรี ขยายการผลิตบัณฑิต ระดับปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิตในสาขาวิชาต่างๆ เพิ่มขึ้นทั้งนักศึกษา ภาคปกติ และการอบรมครูและบุคลากร ทางการศึกษาประจำการ
ในพ.ศ.2527 ได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2527 (วันที่ 27 กันยายน 2527) มีผลทำให้วิทยาลัยครูเทพสตรีสามารถเปิดสอนสาขาวิชาการต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากการผลิตครูและได้มีการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาการศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาศิลปศาสตร์ทั้งระดับอนุปริญญาและระดับปริญญาตรี
สถาบันราชภัฏเทพสตรี
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานนามใหม่แก่วิทยาลัยครูทั่วประเทศว่า “สถาบันราชภัฏ” และโดยพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538 มีผลทำให้วิทยาลัยครูเทพสตรีเปลี่ยนเป็นสถาบันราชภัฏเทพสตรี (RAJABHAT INSTITUTE THEPSATRI) ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2538 และมีภารกิจหลักในการศึกษาวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงทำการวิจัยให้บริการวิชาการแก่สังคม ปรับปรุง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ผลิตครูและส่งเสริมวิทยฐานะครู ซึ่งทำให้สถาบันราชภัฏเทพสตรีเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาท้องถิ่นดำเนินการผลิตบัณฑิตสาขาอื่น เพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น มีการเปิดสอนระดับบัณฑิตศึกษาในระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู และระดับปริญญาโท โดยการเปิดสอนปริญญาโทภาคพิเศษ สาขาบริหารการศึกษาในปี พ.ศ. 2543 และเปิดสอนสาขายุทธศาสตร์การพัฒนา และสาขาหลักสูตรและการสอนในพ.ศ. 2545
มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 สถาบันราชภัฏเทพสตรี ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี (THEPSATRI RAJABHAT UNIVERSITY) ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย ราชภัฏ พ.ศ. 2547 มีภารกิจหลักในการเป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมสร้าง พลังปัญญาของแผ่นดินฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชู ภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์ศิลปวิทยา เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนของปวงชน มีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษาการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีวัตถุประสงค์ ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง ทำการสอนวิจัยให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ปรับปรุง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี ทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมผลิตครู และส่งเสริมวิทยฐานะครู ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรีได้จัดการศึกษาระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษาในสาขาต่างๆ มากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น มีการเปิดหลักสูตรนานาชาติ มีโครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีการขยายโครงการจัดตั้งวิทยาเขตไปยังจังหวัดสิงห์บุรีและสุพรรณบุรี และมีการเปิดศูนย์การศึกษาของมหาวิทยาลัยในจังหวัดสระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรีและนครสวรรค์
2. ประวัติสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ในระยะเริ่มแรกหนังสือยังกระจัดกระจายไม่เป็นระบบ เพราะขาดบรรณารักษ์ที่ขาดความรู้ในด้านการดำเนินงาน ดังนั้นเริ่มแรกจึงมีการจัดเก็บหนังสือไว้ที่ห้องพักครูหรืออาจารย์ใหญ่
| พ.ศ. 2497 | คุณหญิงกรองแก้ว ปทุมานนท์ เป็นอาจารย์ใหญ่ได้เริ่มจัดให้มีห้องสมุดขึ้นโดยใช้เรือนไม้หลังอาคาร 2 (ปัจจุบันคือสำนักส่งเสริมวิชาการ) จัดเป็นห้องสมุดดังกล่าว |
| พ.ศ. 2500 | อาจารย์พร ทองพูนศักดิ์ เป็นผู้อำนวยการ ได้ย้ายห้องสมุดมาตั้งที่ชั้นล่างของอาคาร 2 มีขนาด 2 ห้องเรียน ในช่วงนี้ห้องสมุดได้รับเงินอุดหนุนจากโครงการ G.E.D. (General Education Development) เป็นค่าครุภัณฑ์และค่าหนังสือ |
| พ.ศ. 2506 | คุณหญิงบุญฉวี พรหมโมปกรณ์กิจ เป็นผู้อำนวยการ ไดัย้ายห้องสมุดไปอยู่ชั้น 2 อาคาร 2 มีขนาด 3 ห้องเรียน และได้ขยายเป็น 5 ห้องเรียนในปี พ.ศ. 2515 |
| พ.ศ. 2516 | อาจารย์บุญเลิศ ศรีหงษ์ เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยครูเทพสตรี ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่ บริษัทเจริญกิจศีริพาณิชย์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง งบประมาณ 2,400,000 บาท ซึ่งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน2,300,000 บาท และวิทยาลัยจ่ายสมทบ 100,000 บาท เป็นอาคาร 2 ชั้นขนาด 12 x 15 เมตร มีห้องเรียนต่อออกไปทางทิศตะวันตกและห้องจัดนิรรศการต่อแยกออกไปทางด้านทิศใต้ โดยมีระเบียงเชื่อมถึงกัน เริ่มปักผังก่อสร้างเมื่อ 3 ธันวาคม 2516 ก่อสร้างเสร็จแล้วเมื่อ 24 กันยายน 2517และเปิดใช้เมื่อ 11 ธันวาคม 2517 |
| พ.ศ. 2540 | สมัยอาจารย์สมบูรณ์ สงวนญาติ เป็นอธิการบดีสถาบันราชภัฏเทพสตรีได้รับงบประมาณก่อสร้างใหม่ โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ยุวกรศุภภัณฑ์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง งบประมาณ 35,990,000 บาท เป็นอาคารสูง 8 ชั้นแล้วเสร็จเมื่อ 31 กรกฎาคม 2541 และเปิดใช้เมื่อ 10 มิถุนายน 2542 เป็นต้นมา |
| พ.ศ. 2547 | เปลี่ยนสถานภาพสถาบันราชภัฏ เป็นมหาวิทยาลัย จึงมีการปรับโครงสร้างสำนัก วิทยบริการ รวมกับสำนักคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยงานใหม่ คือ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ |
| พ.ศ. 2549 | มหาวิทยาลัยปรับโครงสร้างสำนักวิทยบริการฯ อีกครั้ง โดยไม่รวมกับสำนักคอมพิวเตอร์ และใช้ชื่อเหมือนเดิม คือ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ |
3. ประวัติการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี มีพัฒนาการจากห้องสมุดธรรมดา (Manual Library) เป็นห้องสมุดอัตโนมัติ (Automation Library) ดังนี้
| ส.ค. 2538 |
1. โปรแกรมระบบการจัดการฐานข้อมูล 2. โปรแกรมสร้างฐานข้อมูลบรรณานุกรม (Cataloguing Module) 3. โปรแกรมสำหรับสืบค้น (Online Public Access Cataloging Module คือ OPAC หรือ PAC) 4. โปรแกรมสำหรับงานบริการยืม - คืน (Circulation Module) ระยะนี้เน้นการสร้างฐานข้อมูลบรรณานุกรมหนังสือ และโสตทัศนวัสดุ โดยมีคอมพิวเตอร์แม่ข่าย 1 เครื่อง และคอมพิวเตอร์ลูกข่าย 4 เครื่อง (ใช้งบประมาณทั้งระบบ จำนวนเงิน 1,354,550 บาท) |
| ก.ย. 2539 | ได้ปรับปรุงระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จาก 8 User license ขยายเป็น 16 User licenses (งบประมาณ 395,100 บาท) |
| ต.ค. 2539 | ซื้อคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเพิ่ม 6 เครื่อง (งบประมาณ 279,280 บาท) เพื่อใช้ในงานสร้างฐานข้อมูลบรรณานุกรมเพิ่มเติม และให้บริการสืบค้นด้วยระบบ OPAC จำนวน 4 เครื่อง |
| มิ.ย. 2540 | เปิดบริการยืม-คืน ด้วยระบบห้องสมุดอัตโนมัติ |
| ต.ค. 2540 | เปลี่ยน Server Compaq ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มลูกข่ายประจำฝ่านสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง และฝ่ายบริการสื่อโสตทัศนวัสดุ จัดหาคอมพิวเตอร์บริการอินเทอร์เน็ต 10 เครื่อง บริการ CD-ROM stand alone 3 เครื่อง |
| พ.ศ. 2541 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเพิ่มอีก 5 เครื่อง ใช้ในส่วนสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง ส่วนบริการโสตทัศนวัสดุ และบริการสืบค้น (OPAC) 3 เครื่อง จัดทำฐานข้อมูล CD-ROM วารสารภาษาไทยสาขาเกษตรกรรม เพื่อใช้ในมหาวิทยาลัย และแลกเปลี่ยนกับมหาวิทยาลัยอื่นและได้วางสายเคเบิล 110 จุด เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีสารสนเทศ มาใช้ดำเนินงานและบริการ |
| พ.ศ. 2542 |
|
| พ.ศ. 2543 |
จัดซื้อคอมพิวเตอร์ลูกข่าย 48 เครื่อง (2,092,407 บาท) เพื่อบริการ Internet เพิ่มขึ้นเป็น 30 เครื่อง และ CD-ROM stand alone เพิ่มขึ้นเป็น 10 เครื่อง และคอมพิวเตอร์สำหรับปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ เพิ่มเติม
|
| เม.ย. 2545 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเพิ่มเติมอีก 23 เครื่อง (878,577 บาท) เพื่อบริการ CD-ROM Network จัดซื้อคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว 1 เครื่อง สำหรับใช้ฝึกอบรมการสืบค้นข้อมูลนอกสถานที่ |
| พ.ย. 2545 | ขยายขีดความสามารถของ เครือข่ายระบบห้องสมุดอัตโนมัติจาก Horizon เป็น Horizon Sunrise 7.2 เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูล และสืบค้นข้อมูลจากห้องสมุดอื่น ๆ ได้พร้อมกัน โดยเทคโนโลยีฐานข้อมูล Z 39.5 |
| พ.ศ. 2546 | สร้างเว็บไซต์ของเครือข่ายพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อการปฏิรูปและการเรียนรู้ เพิ่มหน่วยความจำสำรอง (Hard Disk) ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเป็น 91 GB |
| ก.ย. 2548 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 7 เครื่อง (จำนวน 5 เครื่อง บริการ CD-Multimedia, จำนวน 2 เครื่อง สำหรับผู้ปฏิบัติงานเว็บไซต์ และตัดต่อซีดี วีดิโอ |
| มิ.ย. 2549 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 5 เครื่อง (จำนวน 2 เครื่อง สำหรับบริการยืม - คืน, ห้องฝึกอบรม 1 เครื่อง, ผู้บริหาร 2 เครื่อง) สำหรับเว็บไซต์ของสำนักวิทยบริการฯ เปลี่ยน URL เป็น http://library.tru.ac.th |
| ก.ย. 2549 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง สำหรับบริการห้อง AV2 |
| ก.พ. 2550 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 12 เครื่อง (สำหรับปฏิบัติงานธุรการ 1 เครื่อง, วารสาร 2 เครื่อง, สืบค้นข้อมูล (ชั้น 1) 2 เครื่อง, บริการโสตทัศน์ 1 เครื่อง, งานฐานข้อมูลหนังสือ 6 เครื่อง |
| พ.ค. 2550 | ติดตั้งกล้องวงจรปิด 1 ชุด (16 กล้อง) สำหรับสอดส่องดูแลความปลอดภัย ภายในสำนักวิทยบริการฯ |
| พ.ย. 2550 | จัดซื้อเครื่อง Printer Laser จำนวน 3 เครื่อง สำหรับปฏิบัติงานธุรการ และงานเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดซื้อเครื่องตัดสติกเกอร์ จำนวน 1 ชุด สำหรับปฏิบัติงานเทคโนโลยีสารสนเทศ |
| ธ.ค. 2550 | จัดซื้อชุดโต๊ะทำงาน / คอมพิวเตอร์ จำนวน 10 ชุด และโทรทัศน์ขนาด 37 นิ้ว จำนวน 1 ชุด สำหรับปฏิบัติงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 ชุด และชุดโต๊ะกาแฟ 2 ที่นั่ง จำนวน 1 ชุด ได้รับบริจาคจาก บริษัทบางกอกเฟอร์นิเจอร์ลพบุรี 1990 จำกัด จัดซื้อกล้องถ่ายภาพดิจิตอล จำนวน 1 ชุด สำหรับปฏิบัติงานเทคโนโลยีสารสนเทศ |
| ก.พ. 2551 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์ Server แม่ข่ายระดับสูง 2 เครื่อง สำหรับระบบห้องสมุดอัตโนมัติ |
| มี.ค. 2551 | ติดตั้งกล้องวงจรปิด 2 ชุด (32 กล้อง) สำหรับสอดส่องดูแลความปลอดภัย ภายในสำนักวิทยบริการฯ |
| พ.ศ. 2552 | จัดซื้อคอมพิวเตอร์จำนวน 5 เครื่อง เนื่องจากเครื่องคอมพิวเตอร์มีจำนวนไม่เพียงพอต่อผู้ใช้บริการ |
| พ.ศ. 2553 | จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (Notebook) 1 เครื่อง เพื่อใช้สำหรับดำเนินงานส่วนงานเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 30 เครื่อง เพื่อบริการ Internet จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง เพื่อบริการ Internet |
| พ.ศ. 2554 | จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 30 เครื่อง เพื่อบริการ Internet จัดซื้อจอคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง เพื่อให้บริการสำหรับสืบค้นสารสนเทศ |
| พ.ศ. 2555 | จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 20 เครื่อง เพื่อปฏิบัติงานระบบห้องสมุดอัตโนมัติ |
| พ.ศ. 2556 | จัดซื้อเครื่องบันทึกภาพกล้องวงจรปิด 1 ชุด สำหรับสอดส่งดูแลความปลอดภัย ภายในสำนักวิทยบริการฯ จัดซื้อเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ 2 เครื่อง สำหรับฝึกอบรมและนำเสนอมัลติมีเดีย ปรับปรุงระบบไฟฟ้าห้องบริการอินเทอร์เน็ต |
| พ.ศ. 2557 | จัดตั้งห้องสมุด Digital สร้างสุข โดยบริษัททีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ฯ มอบห้องสมุดดิจิตอลในรูปแบบ iPad ที่บรรจุหนังสือกว่า 1,000 เล่ม ในรูปของ' E-book เพื่อค้นหาข้อมูลประกอบการศึกษา ให้กับสำนักวิทยบริการฯ มรภ.เทพสตรี เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 57 |
| พ.ศ. 2558 |
|
| พ.ศ. 2559 | จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แบบสัมผัส จำนวน 10 เครื่อง เพื่อให้บริการสืบค้นตามชั้น จัดซื้อชุดกระดานอัจฉริยะ จำนวน 2 ชุด เพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการจัดกิจกรรม |
| พ.ศ. 2560 |
|
| พ.ซ. 2561 |
|
| พ.ศ. 2562 |
|
| พ.ศ. 2563 |
|
| พ.ศ. 2564 |
|
| พ.ศ. 2565 |
|
ผู้บริหารงานสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2597-ปัจจุบัน
| พ.ศ. 2497-2501 | อาจารย์ออมทรัพย์ คำอาจ |
| พ.ศ. 2501-2502 | อาจารย์สุนทรี ศาสตร์สาระ |
| พ.ศ. 2502-2503 | อาจารย์สวาท ฤทธิเกิด |
| พ.ศ. 2503-2505 | อาจารย์สมัย เสยยงคะ |
| พ.ศ. 2505-2522 | ผศ.วัลลภ สวัสดิวัลลภ |
| พ.ศ. 2522-2533 | อาจารย์มนต์ฤดี วัชระประทีป |
| พ.ศ. 2533-2536 | อาจารย์ชมภู โชติจริยะ |
| พ.ศ. 2536-2537 | อาจารย์บุญเรือน จันทศรีคำ |
| พ.ศ. 2537-2539 | อาจารย์รชตกมล ยันต์ทอง |
| พ.ศ. 2539-2542 | อาจารย์ชมภู โชติจริยะ |
| พ.ศ. 2542-2546 | ผศ.บุญเรือน จันทศรีคำ |
| พ.ศ. 2546-2556 | ผศ.ดวงใจ อมิตรพ่าย |
| พ.ศ. 2556-2564 | ผศ.ศรีสุภา นาคธน |
| พ.ศ. 2564-ปัจจุบัน | อาจารย์ไชยพล กลิ่นจันทร์ |
คณะผู้บริหารสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบัน
| 1. อาจารย์ไชยพล กลิ่นจันทร์ | ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการฯ |
| 2. อาจารย์ปัญญ์ชลี เต่าทอง | รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการฯ |
| 3. อาจารย์ ดร.สุธิษา เชญชาญ | รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการฯ |
คณะกรรมการประจำสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
| 1. อาจารย์ไชยพล กลิ่นจันทร์ | ประธานกรรมการ |
| 2. อาจารย์ปัญญ์ชลี เต่าทอง | รองประธานกรรมการ |
| 3. อาจารย์ ดร.สุธิษา เชญชาญ | กรรมการ |
| 4. ผศ.วิไลวรรณ ฉ่ำพิรุณ | กรรมการ |
| 5. ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ | กรรมการ |
| 6. ดร.อารีย์ ธัญกิจจานุกิจ | กรรมการ |
| 7. นางสาวหทัยรัตน์ เสวกพันธ์ | กรรมการ |
| 8. นางอัญชลี เขื่อนขันธ์ | กรรมการ |
| 9. นางปิติรัตน์ อินทุม | กรรมการ |
| 10. นางสาวอณุภา ทานะรมณ์ | กรรมการและเลขานุการ |
เปลี่ยนสถานภาพสถาบันราชภัฏ เป็นมหาวิทยาลัย จึงมีการปรับโครงสร้างสำนัก วิทยบริการ รวมกับสำนักคอมพิวเตอร์ เป็นหน่วยงานใหม่ คือ สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ