321 ถ.นารายณ์มหาราช ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี 15000,

สถานที่ท่องเที่ยว

วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร)

 วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร)

  •           วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร) ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ภายในวัดมีเจดีย์พระปรางค์ศิลปะแบบอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก่อด้วยอิฐแบบปรางค์ไทย สูงชะลูดคล้ายฝักข้าวโพด สูงประมาณ 15 เมตร ฐานเตี้ยภายในกลวง มีคูหาสี่เหลี่ยมจัตุรัส บนผนังคูหามีร่องรอยจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยสีแดงชาด สีขาว และสีดำ เหลืออยู่เล็กน้อย บนยอดปรางค์พบพระพุทธรูปขนาดเล็กบุทองคำและบุเงินจำนวนหนึ่งลักษณะพุทธรูปเป็นฝีมือช่างท้องถิ่น คล้ายพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนปลายระยะแรกๆ ด้านหลังวิหารเก่าแกแบบอยุธยา หน้าบันเป็นลาย แกะสลักไม้รูปตัวสิงห์และคันทวยต่างๆ ฝีมือประณีต
               - พระวิหาร มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบรัตน์โกสินทร์ตอนต้น
               - พระอุโบสถ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนปลาย
               วัดนี้ยังเป็นแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย ที่คงเหลือร่องรอยเตาเผาให้เห็นอยู่
               การเดินทาง มีรถโดยสารประจำทางสาย 605 (สิงห์บุรี - สรรคบุรี) ผ่าน ประมาณ16 กม. และห่างจากตลาดชัณสูตรไปประมาณ 1 กม. 

เตาเผาวัดพระปรางค์ หรือ แหล่งเตาแม่น้ำน้อย

 เตาเผาวัดพระปรางค์ หรือ แหล่งเตาแม่น้ำน้อย

  •           เตาเผาวัดพระปรางค์ หรือที่เรียกกันว่า " แหล่งเตาแม่น้ำน้อย " ตั้งอยู่บริเวณวัดพระปรางค์ เขตบ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด ห่างจากแม่น้ำน้อย 200 เมตร เป็นเตาผลิตเครื่องปั้นดินเผา อายุระหว่างพุทธศตวรรษ 20-24 ประมาณในสมัยกรุงศรีอยุธยา ระหว่าง พ.ศ. 1941 - 2310
              ลักษณะเป็นเนินดินขนาดใหญ่ 3 เนิน ส่วนตัวเตาเป็นแบบระบายความร้อนเฉียงขึ้น ก่ออิฐ ยาว 14 เมตร กว้าง 5.6 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางของปล่องควันไฟยาว 2.15 เมตร ตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ ตัวเตาบางส่วนคล้ายเรือประทุน จึงเรียกว่า " เตาประทุน " แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ปล่องไฟ ห้องวางเครื่องปั้นดินเผา และห้องเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ที่พบมากคือ ไห ไหสี่หู อ่าง ครก กระปุก ขวด ช่อฟ้า กระเบื้องปูพื้น กาน้ำ กระสุนปืนใหญ่ ท่อน้ำดินเผา ประติมากรรมลอยตัวรูปสัตว์ต่างๆ ฯลฯ
              จากการขุดค้นพบและศึกษาจากเอกสารทางประวัติสาตร์พอสรุปได้ว่า เทคโนโลยีเตาเผาที่วัดพระปรางค์ ได้มาจากกลุ่มเตาเผาเมืองสุโขทัย และแหล่งเตาเผาแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาเพื่อการบรรจุสินค้า ค้าขายแก่ต่างประเทศ นอกเหนือจากการผลิตเพื่อความ ต้องการของท้องถิ่น กรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดค้นและขุดแต่งเตาเหล่านี้ใน พ.ศ. 2531 , 2535 และ 2536 เท่าที่ปรากฏให้เห็นขณะนี้มีเตาทั้งสิ้น 8 เตา เป็นการสร้างซ้อนกันหลายครั้ง ในปัจจุบันได้มีการสร้างหลังคาคลุมเตาที่ขุดแต่งเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของโครง อนุรักษ์และพัฒนาแหล่งเตาแม่น้ำน้อย ซึ่งกรมศิลปกรดำเนินการร่วมกับจังหวัดสิงห์บุรี

คูค่ายพม่า

 คูค่ายพม่า 

  •           คูค่ายพม่า ตั้งอยู่บริเวณวัดหลังคู หรือบ้านเจดีย์หัก หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
            ลักษณะเป็นเนินดินยาว รูปร่างคล้ายตัว L กว้างประมาณ 5 - 15 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร ส่วนหนึ่งของแนวค่ายมีถนนสายเอเชีย( หมายเลข 32 ) ตัดผ่าน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา หลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า พม่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2127 เมื่อครั้งพระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาที่เมืองชัยนาท และให้กองทัพหน้าลงมาตั้งค่ายที่ปากน้ำบางพุทรา แขวงเมืองพรหม โดยจะมาสมทบกับเจ้าเมืองพสิมซึ่งยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์ เพื่อรวมกำลังกันเข้าตีกรุงศรีอยุธยา กองทัพไทยได้ต่อสู้จนกองทัพพม่าที่ปากน้ำบางพุทราต้องถอยร่นไปที่เมืองชัยนาท พระเจ้าเชียงใหม่จึงได้โปรดถอยทัพกลับ และทิ้งร่องรอยคูค่ายให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน
              เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ปัจจุบันได้ปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะสำหรับผักผ่อนหย่อนใจของประชาชน

อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์

อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์

  •           อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์ อยู่หางจากตัวเมืองไปประมาณ 9 กม. ตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 309 จะมีทางแยกซ้าย ไปบ้านเชิงกลัดอีก 1.5 กม. จะถึงอุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์ คำว่า "แม่ลา" เป็นชื่อลำน้ำสายหนึ่งในท้องที่จังหวัดสิงห์บุรี ไหลผ่านพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภออินทร์บุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอเมืองสิงห์บุรี เป็นลำน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร ของปลา ฉะนั้นปลาที่จับได้ จากลำน้ำแม่ลาจึงอ้วน เนื้อนุ่ม มัน มีรสชาติอร่อย โดยเฉพาะปลาช่อน แม่ลา เป็นอาหารและของฝากที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ปัจจุบันมีการอนุรักษ์ฟื้นฟูลำน้ำแม่ลา ให้มี ทัศนียภาพที่สวยงาม เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป

วัดกุฏีทอง

 วัดกุฏีทอง

  •           วัดกุฎีทอง หมู่ที่ 3 ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ภายในวัดมีมณฑป ลักษณะเหมือนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอด ภายในเป็นที่ประดิษฐรอยพระพุทธบาทจำลอง นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน วิถีชีวิต ประเพณีวัฒธรรมชาวไทยพวน ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ชาวไทยพวน เครื่องมือจับปลา เสื้อผ้า เครื่องประดับ ยวดยานพาหนะ ฯลฯ งานประเพณีต่างๆ ของชาวไทยพวนจะจัดขึ้นที่วัดกุฎีทองแห่งนี้